[x] ปิดหน้าต่างนี้
 
 
บทที่ ๑
บทนำ
ความเป็นมา
ด้วยพื้นที่ ตำบลคลองพน มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญหลายแห่ง เช่น น้ำตกหินเพิง     และป่าชายเลนปัจจุบันหลายจังหวัดในประเทศไทยรวมทั้งตำบลคลองพน อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ กำลังประสบปัญหาในเรื่องการนำเอาทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ โดยไม่มีการจัดการที่เหมาะสมทำให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีสภาพเสื่อมโทรมลง ระบบนิเวศน์ถูกทำลาย ป่าชายเลนถูกทำลาย ส่งผลให้ความสมดุลที่มีในธรรมชาติขาดหายไปและนำไปสู่การเกิดการสูญพันธ์ของสัตว์น้ำต่าง ๆ ทั้งนี้ปัญหาสำคัญอยู่ที่การสร้างจิตสำนึกให้ตระหนักต่อคุณค่าและความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ 
     กศน.ตำบลคลองพน ตระหนักดีว่าการอนุรักษ์พันธ์สัตว์น้ำและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น เป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคนในชุมชน  และเป็นหน้าที่ที่ต้องช่วยกันอนุรักษ์รักษาไว้ โดยต้องสร้างจิตสำนึก ความรักและหวงแหนให้เกิดขึ้นกลุ่มประชาชนที่เข้าร่วมโครงการที่เข้าร่วมโครงการที่สนใจ ในพื้นที่เพื่อเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ และเป็น ทรัพยากรธรรมชาติที่เอื้อประโยชน์ให้ชุมชนต่อไป
 
วัตถุประสงค์
     เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่า
    ๒ พื่อให้ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้ร่วมกันปลูกป่าชายเลน
ขอบเขตการประเมิน
     -   ประชาชนทั่วไปในตำบลคลองพน อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ จำนวน   ๒๐ คน
 
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
-          ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติและสามารถนำความรู้ที่ได้รับมาดูแลระบบนิเวศป่าชายเลนในพื้นที่ หมู่ที่ 13 บ้านคลองยี่เหร่ ได้
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
บทที่ ๒
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
. แนวคิด/ทฤษฏี/นโยบายที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรม/โครงการที่จัด
 
ป่าไม้ของประเทศไทยถูกทำลายลงอย่างรวดเร็วตามแรงหนุนเนื่องของประชากรที่เพิ่มขึ้นผนวกกับพลังผลักดันทางเศรษฐกิจระบบทุนนิยมเสรีที่มุ่งค้าขาย โดยใช้ป่าเป็นตัวสำคัญเชิงพาณิชย์ การเช่นนี้ก่อให้เกิดภาวะแห้งแล้งเนื่องจากต้นน้ำลำธารถูกทำลาย ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล เมื่อยามน้ำหลากก็เกิดน้ำท่วมฉับพลันและมีการพังทลายของดินอย่างรุนแรง จนเป็นปัญหาต่อการประกอบอาชีพทางการเกษตร กลายเป็นทุกข์ร้อนของแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวยิ่งนัก โดยเฉพาะเรื่องป่าไม้เป็นสิ่งที่พระองค์ทรงห่วงใยเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เริ่มเสด็จเถลิงถวัลย์สิริราชสมบัติเป็นต้นมา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยในปัญหาปริมาณป่าไม้ลงเป็นอย่างมาก จึงทรงพยายามค้นหาวิธีนานาประการที่จะเพิ่มปริมาณของป่าไม้ในประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้นอย่างมั่นคงและถาวร โดยมีวิธีการที่เรียบง่ายและประหยัดในการดำเนินงาน ตลอดจนเป็นการส่งเสริมระบบวงจรป่าไม้ในลักษณะอันเป็นธรรมชาติดั้งเดิม ซึ่งได้พระราชทานพระราชดำริหลายวิธี คือ
ปลูกป่าต้นน้ำลำธาร หรือ การปลูกป่าธรรมชาติ ทรงเสนอแนวทางปฏิบัติว่า
ปลูกต้นไม้ที่ขึ้นอยู่เดิม คือ...ศึกษาดูก่อนว่าพืชพันธุ์ไม้ดั้งเดิมมีอะไรบ้าง แล้วปลูกแซมตามรายการชนิดต้นไม้ที่ศึกษาได้งดปลูกไม้ผิดแผกจากถิ่นเดิม คือ ไม่ควรนำไม้แปลกปลอมต่างพันธุ์ต่างถิ่นเข้ามาปลูกโดยยังไม่ได้ศึกษาอย่างแน่ชัดเสียก่อน
การปลูกป่าทดแทน
ในขณะนี้ประเทศไทยเรามีพื้นที่ป่าไม้เหลืออยู่เพียงร้อยละ 25 ของพื้นที่ประเทศประมาณการได้เพียง 80 ล้านไร่เท่านั้น หากจะเพิ่มเนื่องที่ป่าไม้ให้ได้ประมาณร้อยละ 40 ของพื้นที่ประเทศแล้ว คนไทยจะต้องช่วยกันปลูกป่าถึง 48 ล้านไร่ โดยใช้กล้าไม้ปลูกไม่ต่ำกว่าปีละ 100 ล้านต้น ใช้เวลาถึง 20 ปี จึงจะเพิ่มป่าไม้ได้ครบเป้าหมายที่กำหนดไว้เท่านั้น
การปลูกป่าทดแทนจึงเป็นแนวทฤษฏีการพัฒนาป่าไม้อันเนื่องมาจากพระราชดำริที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานมรรควิธีในการปลูกป่าทดแทน เพื่อคืนธรรมชาติสู่แผ่นดินด้วยวิถีทางแบบผสมผสานกันในเชิงปฏิบัติดังพระราชดำริความตอนหนึ่งว่า
การปลูกป่าทดแทนจะต้องทำอย่างมีแผนโดยการดำเนินการไปพร้อมกับการพัฒนาชาวเขาในการนี้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ชลประทาน และฝ่ายเกษตรจะต้องร่วมมือกันสำรวจต้นน้ำในบริเวณพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อวางแผนปรับปรุงต้นน้ำและพัฒนาอาชีพได้อย่างถูกต้อง
วิธีการปลูกป่าทดแทน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานคำแนะนำให้มีการปลูกป่าทดแทนตามสภาพภูมิศาสตร์และสภาวะแวดล้อมของพื้นที่ที่เหมาะสมกล่าว คือ ปลูกป่าทดแทนในพื้นที่ป่าไม้ถูกบุกรุกแผ้วถางและพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม


การปลูกป่าทดแทนในพื้นที่เสื่อมโทรมหรือพื้นที่ต้นน้ำลำธารที่ถูกบุกรุกแผ้วถางจนเป็นภูเขาหัวโล้น แล้วจำต้องปลูกป่าทดแทนเร่งด่วนนั้นควรจะทดลองปลูกต้นไม้ชนิดโตเร็วคลุมแนวร่องน้ำเสียก่อน เพื่อทำให้ความชุ่มชื้นค่อยๆ ทวีขึ้นแผ่ขยายออกไปทั้งสองร่องน้ำ ซึ่งจะทำให้ต้นไม้งอกงามและมีส่วนช่วยป้องกันไฟป่า เพราะไฟจะเกิดง่ายหากป่าขาดความชุ่มชื้น ในปีต่อไปก็ให้ปลูกต้นไม้ในพื้นที่ถัดขึ้นไป ความชุ่มชื้นก็จะแผ่ขยายกว้างต่อไปอีก ต้นไม้จะงอกงามดีตลอดทั้งปี
การปลูกป่าทดแทนตามไหล่เขาจะต้องปลูกต้นไม้หลายๆ ชนิด เพื่อให้ได้ประโยชน์อเนกประสงค์ คือ มีทั้งไม้
ผล ไม้สำหรับก่อสร้าง และไม้สำหรับทำฟืน ซึ่งเกษตรกรจำเป็นต้องใช้เป็นประจำ ซึ่งเมื่อตัดไม้ใช้แล้ว ก็ปลูกทดแทนหมุนเวียนทันที
การปลูกป่าทดแทนบริเวณต้นน้ำบนยอดเขาและเนินสูง
ต้องมีการปลูกป่าโดยปลูกไม้ยืนต้นและปลูกไม้ฟืน ซึ่งไม้ฟืนนั้นราษฎรสามารถตัดไปใช้ได้ แต่ต้องมีการปลูกทดแทนเป็นระยะ ส่วนไม้ยืนต้นจะช่วยให้อากาศมีความชุ่มชื้น ซึ่งเป็นขั้นตอนหนึ่งของระบบการให้ฝนแบบธรรมชาติ ทั้งยังช่วยยึดดินบนเขาไม่ให้พังทลายเมื่อเกิดฝนตกอีกด้วย
1. ให้มีการปลูกป่าที่ยอดเขา เนื่องจากสภาพป่าบนที่เขาสูงทรุดโทรม ซึ่งจะมีผลกระทบต่อลุ่มน้ำตอนล่าง และคัดเลือกพันธุ์ไม้ที่มีเมล็ดเป็นฝักเพื่อให้เป็นกระบวนการธรรมชาติปลูกต่อไปจนถึงตีนเขา
2. ปลูกป่าบริเวณอ่างเก็บน้ำ หรือเหนืออ่างเก็บน้ำที่ไม่มีความชุ่มชื้นยาวนานพอ
3. ปลูกป่าเพื่อพัฒนาลุ่มน้ำและแหล่งน้ำให้มีน้ำสะอาดบริโภค
4. ปลูกป่าให้ราษฎรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยให้ราษฎรในท้องที่นั้นๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการปลูกและดูแลรักษาต้นไม้ให้เจริญเติบโต นอกจากนี้ยังเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกให้ราษฎรเห็นความสำคัญของการปลูกป่า
5. ปลูกป่าเสริมธรรมชาติ เพื่อเป็นการเพิ่มที่อยู่อาศัยแก่สัตว์ป่า
แนวพะราชดำริทฤษฎีการพัฒนาและฟื้นฟูป่าไม้โดยการใช้ทรัพยากรที่เอื้ออำนวยสัมพันธ์ซึ่งกันและกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด : Check Dam
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักถึงความสำคัญของการอยู่รอดของป่าไม้เป็นอย่างยิ่งทรงเสนออุปกรณ์อันเป็นเครื่องมือที่จะใช้ประโยชน์ในการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าไม้ที่ได้ผลดียิ่ง กล่าวคือ ปัญหาที่สำคัญที่เป็นตัวแปรแห่งความอยู่รอดของป่าไม้นั้น น้ำ คือ สิ่งที่ขาดไม่ได้โดยแท้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแนะนำให้ใช้ฝายกั้นน้ำ หรือเรียกว่า Check Dam หรืออาจะเรียกขานกันว่า ฝายชะลอความชุ่มชื้น ก็ได้ เช่นกัน Check Dam คือ สิ่งก่อสร้างขวางกั้นทางเดินของลำน้ำ ซึ่งปกติมักจะกั้นห้วยลำธารขนาดเล็กในบริเวณที่เป็นต้นน้ำหรือพื้นที่ที่มีความลาดชันสูงทำให้สามารถดำรงชีพอยู่ได้ และหากช่วงที่น้ำไหลแรงก็สามารถชะลอการไหลของน้ำให้ช้าลง และกักเก็บตะกอนไม่ให้ไหลเทลงไปในบริเวณลุ่มน้ำตอนล่างนับเป็นวิธีการอนุรักษ์ดินและน้ำได้ดีมากวิธีการหนึ่ง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชาอธิบายว่า การปลูกป่าทดแทนป่าไม้ที่ถูกทำลายนั้น จะต้องสร้างฝายเล็กเพื่อหนุนน้ำส่งไปตามเหมืองไปใช้ในพื้นที่เพาะปลูกทั้งสองด้าน ซึ่งจะให้น้ำค่อยๆ แผ่ขยายออกไปทำความชุ่มชื้นในบริเวณนั้นด้วย...
Check Dam ตามแนวพระราชดำริ กระทำได้ 3 รูปแบบ คือ
1. Check Dam แบบท้องถิ่นเบื้องต้น เป็นการก่อสร้างด้วยวัสดุธรรมชาติที่มีอยู่ เช่น กิ่งไม้ และท่อนไม้ล้มขอนนอนไพร ขนาบด้วยก้อนหินขนาดต่างๆ ในลำห้วย ซึ่งเป็นการก่อสร้างแบบง่ายๆ ก่อสร้างในบริเวณตอนบนของลำห้วยหรือร่องน้ำซึ่งจะสามารถดักตะกอน ชะลอการไหลของน้ำและเพิ่มความชุ่มชื้นบริเวณรอบๆฝายได้เป็นอย่างดี วิธีการนี้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายน้อยมาก หรืออาจไม่มีค่าใช้จ่ายเลยนอกจากใช้แรงงานเท่านั้น
บัดนี้ ในหลายโครงการที่เป็นการปลูกป่าทดแทนตามแนวพระราชดำริได้บรรลุผลสัมฤทธิ์น่าพึงพอใจ อาทิเช่น โครงการปลูกป่าชัยพัฒนาแม่ฟ้าหลวง ที่ดอยตุง จังหวัดเชียงราย และที่หนองพลับ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โครงการปลูกสร้างสวนป่าศูนย์ศึกษาการพัฒนาต่างๆ โครงการสวนป่าสิริเจริญวรรษ จังหวัดชลบุรี โครงการปลูกป่าห้วยอนาคต จังหวัดกาญจนบุรี โครงการปลูกป่าเสริมธรรมชิตในและนอกเขตภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร เป็นต้น
 1. การปลูกป่า 3 อย่างได้ประโยชน์ 4 อย่าง : การรู้จัดใช้ทรัพยากรธรรมชาติด้วยพระปรีชาญาณอย่างชาญฉลาดให้เกิดประโยชน์แก่ปวงชนมากที่สุดยาวนานที่สุดและทั่วถึงกั
 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแนะนำการปลูกป่าในเชิงผสมผสาน ทั้งด้านเกษตรวนศาสตร์และเศรษฐกิจสังคมไว้เป็นมรรควิธีปลูกป่าแบบลักษณะเบ็ดเสร็จนั้นไว้ด้ว
 ลักษณะทั่วไปของป่า 3 อย่า
     พระราชดำริปลูกป่า 3 อย่างนั้น มีพระราชดำรัส ความว่า ...ป่าไม้ที่จะปลูกนั้น สมควรที่จะปลูกแบบป่าใช้ไม่หนึ่ง ป่าสำหรับใช้ผลหนึ่ง ป่าสำหรับใช้เป็นฟืนอย่างหนึ่ง อันนี้แยกออกไปเป็นกว้างๆใหญ่ๆ การที่จะปลูกต้นไม้สำหรับได้ประโยชน์ดังนี้ ในคำวิเคราะห์ของกรมป่าไม้รู้สึกจะไม่ใช่ป่าไม้ แต่ในความหมายของการช่วยเหลือเพื่อต้นน้ำลำธารนั้น ป่าไม้เช่นนี้จะเป็นสวยผลไม้ก็ตามหรือเป็นสวนฟืนก็ตามนั่นแหละเป็นป่าไม้ที่ถูกต้อง เพราะทำหน้าที่เป็นป่า คือ เป็นต้นไม้และทำหน้าที่เป็นทรัพยากรในด้านสำหรับให้ผลที่มาเป็นประโยชน์แก่ประชาชนได้...
ประโยชน์ที่ได้รับ ในการปลูกป่า 3 อย่างนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชาอธิบายถึงประโยชน์ในการปลูกป่าตามพระราชดำริว่า
 การปลูกป่า 3 อย่าง แต่ให้ประโยชน์ 4 อย่าง ซึ่งได้ไม้ผล ไม้สร้างบ้าน และไม้ฟืนนั้น สามารถให้ประโยชน์ได้ถึง 4 อย่าง คือ นอกจากประโยชน์ในตัวเองตามชื่นแล้ว ยังสามารถให้ประโยชน์อันที่ 4 ซึ่งเป็นข้อสำคัญ คือ สามารถช่วยอนุรักษ์ดินและต้นน้ำลำธารด้วย และได้มีพระราชดำรัสเพิ่มเติมว่า
การปลูกป่าถ้าจะให้ราษฎรมีประโยชน์ให้เขาอยู่ได้ ให้ใช้วิธีปลูกไม้ 3 อย่าง แต่มีประโยชน์ 4 อย่าง คือ ไม้ใช้สอย ไม้กินได้ ไม้เศรษฐกิจ โดยรองรับการชลประทาน ปลูกรับซับน้ำ และปลูกอุดช่วงไหล่ตามร่องห้วย โดยรับน้ำฝนอย่างเดียว ประโยชน์อย่างที่ 4 ได้ระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ...
     พระราชดำริเพื่อนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ดำเนินการในหลายส่วนราชการ ทั้งกรมป่าไม้และศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริทุกแห่ง คือ การปลูกป่าใช้สอย โดยดำเนินการปลูกพันธุ์ไม้โตเร็วสำหรับตัดกิ่งมาทำฟืนเผาถ่าน ตลอดจนไม้สำหรับใช้ในการก่อสร้างและหัตถกรรมส่วนใหญ่ได้มีการปลูกพันธุ์ไม้โตเร็วเป็นสวนป่า เช่น ยูคาลิปตัส ขี้เหล็ก ประดู่ แค กระถินยักษ์ และสะเดา เป็นต้น
 
 
 
 
 
 
บทที่ ๓
วิธีการดำเนินโครงการ
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากร
-          ประชาชนทั่วไปในตำบลคลองพน อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ จำนวน   49 คน
กลุ่มตัวอย่าง
-          กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ประชาชนทั่วไปในตำบลคลองพนที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน  49  คน สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีทำการสำรวจและการเป็นตัวแทนจากชุมชนในการมาเข้าร่วมโครงการ
 
เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินโครงการ
-          แบบประเมินความพึงพอใจ
 
การเก็บรวบรวมข้อมูล
-          ข้อมูลจากแบบสอบถาม
 
การวิเคราะห์ข้อมูล
-          รวบรวมคะแนนที่ได้จากการทำแบบสอบถาม และนำมาวิเคราะห์โดยใช้สถิติค่าเฉลี่ย (X) และค่าร้อยละ (Percentage)
 
รายละเอียดการดำเนินกิจกรรม
- ฟังบรรยายจากทางวิทยากร
- ดำเนินกิจกรรมตามโครงการส่งเสริมการเรียนรู้การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติป่าชายเลน ตำบลคลองพน
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
บทที่ ๔
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
     เป็นกิจกรรมเพื่อพัฒนาและส่งเสริมให้ตระหนักถึงการอนุรักษ์พันธ์สัตว์น้ำและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น เป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคนในชุมชน  และเป็นหน้าที่ที่ต้องช่วยกันอนุรักษ์รักษาไว้ โดยต้องสร้างจิตสำนึก ความรักและหวงแหนให้เกิดขึ้นกลุ่มประชาชนที่เข้าร่วมโครงการที่เข้าร่วมโครงการที่สนใจ ในพื้นที่เพื่อเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ และเป็น ทรัพยากรธรรมชาติที่เอื้อประโยชน์ให้ชุมชนต่อไป ซึ่งมีผลการวิเคราะห์ข้อมูลดังนี้
วัตถุประสงค์
      ๑ เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่า
      ๒ พื่อให้ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้ร่วมกันปลูกป่าชายเลน
วิธีการประเมิน
1.ใช้แบบสอบถามความคิดเห็นการร่วมโครงการส่งเสริมการเรียนรู้การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติป่าชายเลน ตำบลคลองพน  ซึ่งมีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่าโดยมีเกณฑ์การให้ผู้ตอบพิจารณาดังนี้ 
                        มากที่สุด          หมายถึงระดับคะแนน              ๕       คะแนน
                        มาก               หมายถึงระดับคะแนน              ๔        คะแนน
                        ปานกลาง        หมายถึงระดับคะแนน              ๓        คะแนน
                        น้อย              หมายถึงระดับคะแนน              ๒        คะแนน
                        น้อยที่สุด         หมายถึงระดับคะแนน              ๑        คะแนน
1. แจกแบบสอบถามให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมโครงการส่งเสริมการเรียนรู้การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติป่าชายเลน ตำบลคลองพน
2. ประชาชนผู้เข้าร่วมโครงการ    จำนวน  49   คน
3.      รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์โดยใช้สถิติค่าเฉลี่ย (X)  และค่าร้อยละ (Percentage)
4.      เกณฑ์ที่ใช้ในการแปรผลค่าเฉลี่ย (X) เป็นดังนี้
          ๔.๕๐ – ๕.๐๐    หมายถึง          ดีมากที่สุด/เหมาะสมมากที่สุด
          ๓.๕๐ – ๔.๔๙    หมายถึง          ดีมาก/เหมาะสมมาก
          ๒.๕๐ – ๓.๔๙    หมายถึง          ปานกลาง
          ๑.๕๐ – ๒.๔๙    หมายถึง          พอใช้   
          ๑.๐๐ – ๑.๔๙    หมายถึง          ต้องปรับปรุง    
. สรุปผลการวิเคราะห์และจัดทำรายงาน
 
 
ผลการวิเคราะห์
               การสำรวจความคิดเห็นของผู้เข้ากิจกรรมแจกแบบสอบถามให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมโครงการส่งเสริมการเรียนรู้การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติป่าชายเลน ตำบลคลองพน ข้อมูลจากผู้ตอบแบบสอบถาม  จำนวน  49  คน วิเคราะห์ผลดังตารางต่อไปนี้                 
ตอนที่ ๑ ข้อมูลทั่วไป (ต้องการหาค่าร้อยละ)
ตารางที่ ๑ ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
ตัวแปร
จำนวน
ร้อยละ
เพศ
   - หญิง
   - ชาย
 
23
26
 
46.94
53.06
รวม
49
100
อายุ
 - ต่ำกว่า ๒๐ ปี
- อายุระหว่าง ๒๐ – ๓๐   ปี
 - อายุระหว่าง ๓๑ – ๔๐ ปี
 - อายุ ๔1 ปี ขึ้นไป
 
13
11
2
23
 
26.53
22.45
4.08
46.94
รวม
49
100
อาชีพ
- เกษตรกร
- รับจ้าง/ลูกจ้าง
- ธุรกิจส่วนตัว
- รับราชการ/รัฐวิสาหกิจ
- อื่น ๆ
 
15
15
-
-
19
 
30.61
30.61
-
-
38.78
รวม
49
๑๐๐
 
               จากตารางที่ ๑ ผู้ตอบแบบสอบถามเป็นเพศชายส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ ร้อยละ 26 เเละเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 23 ผู้เข้าร่วมโครงการส่วนใหญ่ อายุ ต่ำกว่า 20 ปี คิดเป็นร้อยละ 26.53 รองลงมาอายุ           20-30 ปี คิดเป็นร้อยละ 22.45 รองลงมาอายุ 31-40 ปี คิดเป็นร้อยละ 4.08  และรองลงมาอายุ 41 ปีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 46.94  ผู้เข้าร่วมโครงการ
 
 
 
 
 
 
ตอนที่ ๒ การดำเนินการจัดกิจกรรมโดยวัดระดับความพึงพอใจ ความรู้ความเข้าใจ และการนำไปใช้
ตารางที่ ๒ แสดงความคิดเห็นในการดำเนินกิจกรรมในด้านวิทยากร
ประเด็นความคิดเห็น
ระดับความคิดเห็น
ผลการประเมิน
มากที่สุด
มาก
ปานกลาง
น้อย
น้อยที่สุด
ร้อยละ
ผลการประเมิน
๑. การถ่ายทอดความรู้ของวิทยากรมีความชัดเจน
33
15
1
0
0
91.84
มากที่สุด
๒. ความสามารถในการอธิบายเนื้อหา
41
6
2
0
0
93.47
มากที่สุด
๓. การเชื่อมโยงเนื้อหา
36
13
0
0
0
94.69
มากที่สุด
๔. ความครบถ้วนของเนื้อหาในการศึกษา
25
22
2
0
0
86.94
มาก
๕. การใช้เวลาในแต่ละเนื้อหาที่กำหนดไว้
29
19
1
0
0
90.20
มากที่สุด
๖. การตอบข้อซักถามของประชาชน
31
17
1
0
0
91.02
มากที่สุด
 
 
 
 
 
 
91.36
มากที่สุด
 
                จากตารางที่ ๒ การแสดงความคิดเห็นในการดำเนินกิจกรรมในด้านวิทยากร ผู้ตอบแบบประเมินมีความพึงพอใจในระดับปานกลางในด้านการถ่ายทอดความรู้ของวิทยากรมีความชัดเจน  ความครบถ้วนของเนื้อหาในการศึกษา เนื้อหาที่กำหนดไว้ คิดเป็นร้อยละ 91.84, 93.47 และ 90.20 ในด้านการใช้เวลา ที่มีความเหมาะสมกับโครงการ เนื่องจากได้มีการวางแผนและประสานสาน   มีความพึงพอใจในระดับมาก การตอบข้อซักถามของประชาชน มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด จำนวน 49 คน ระดับความพึ่งพอใจรวม คิดเป็นร้อยละ91.36
 
ตารางที่ ๓ แสดงความคิดเห็นในการดำเนินกิจกรรมในด้านกระบวนการ
ประเด็นความคิดเห็น
ระดับความคิดเห็น
ผลการประเมิน
มากที่สุด
มาก
ปานกลาง
น้อย
น้อยที่สุด
ร้อยละ
ผลการประเมิน
๑. ความน่าสนใจของกิจกรรม
33
10
6
0
33
91.02
มากที่สุด
๒. กิจกรรมมีความเหมาะสมกับนักศึกษา
20
25
2
2
20
85.71
มาก
๓. กิจกรรมมีความเหมาะสมกับเวลา
39
10
0
0
39
95.92
มากที่สุด
 
 
 
 
 
 
90.88
มากที่สุด
 
                จากตารางที่ ๓ การแสดงความคิดเห็นในการดำเนินกิจกรรมในด้านกระบวนการ  ผู้ตอบแบบสอบถามมีความพึงพอใจในระดับมากในด้านความน่าสนใจของกิจกรรม คิดเป็นร้อยละ 91.02   คิดเป็นร้อยละ 85.71 ในด้านกิจกรรมมีความเหมาะสมกับประชาชนทั่วไป  มีความพึงพอใจในระดับมากคิดเป็นร้อยละ 95.52 จากการสำรวจความพึ่งพอใจ รวม 90.88
 
ตารางที่ ๔ แสดงความคิดเห็นในการดำเนินกิจกรรมในด้านการบริหารจัดการ
ประเด็นความคิดเห็น
ระดับความคิดเห็น
ผลการประเมิน
มากที่สุด
มาก
ปานกลาง
น้อย
น้อยที่สุด
ร้อยละ
ผลการประเมิน
๑. สถานที่จัดกิจกรรมมีความเหมาะสม
14
35
0
0
14
85.71
มาก
๒. ความพร้อมของสื่อ/คู่มือ/โสตทัศนูปกรณ์
27
20
2
0
27
90.20
มากที่สุด
๓. ระยะเวลาในการจัดกิจกรรม
23
24
1
1
23
88.16
มาก
 
 
 
 
 
 
88.03
มาก
จากตารางที่ ๔ การแสดงความคิดเห็นในการดำเนินกิจกรรมในด้านการบริหารจัดการผู้ตอบแบบประเมินมีความพึงพอใจในระดับมากในด้านสถานที่จัดกิจกรรม คิดเป็นร้อยละ 85.71 และในด้านความพร้อมของสื่อ/คู่มือ/โสตทัศนูปกรณ์มีความพึงพอใจในระดับมากคิด  ระยะเวลาในการจัดกิจกรรม มีพึงพอใจในระดับมาก จากการสำรวจความพึ่งพอใจรวม 88.03
ตารางที่ ๕ แสดงความคิดเห็นในการดำเนินกิจกรรมในด้านความรู้ความเข้าใจ
ประเด็นความคิดเห็น
ระดับความคิดเห็น
ผลการประเมิน
มากที่สุด
มาก
ปานกลาง
น้อย
น้อยที่สุด
ร้อยละ
ผลการประเมิน
๑. ความรู้ความเข้าใจก่อนการเรียน
30
19
0
0
0
92.24
มากที่สุด
๒. ความรู้ความเข้าใจหลังการเรียน
36
13
 
0
0
94.69
มากที่สุด
 
 
 
 
 
 
93.47
มากที่สุด
         
จากตารางที่ ๕ การแสดงความคิดเห็นในการดำเนินกิจกรรมในด้านความรู้ความเข้าใจผู้ตอบแบบประเมินมีความพึงพอใจความรู้ก่อนการอบรมในระดับความพึงพอใจความรู้ที่ได้รับหลังการอบรมในระดับมาก คิดเป็นร้อยละ 93.47
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ตารางที่ ๖ แสดงความคิดเห็นในการดำเนินกิจกรรมในด้านการนำความรู้ไปใช้
ประเด็นความคิดเห็น
ระดับความคิดเห็น
ผลการประเมิน
มากที่สุด
มาก
ปานกลาง
น้อย
น้อยที่สุด
ร้อยละ
ผลการประเมิน
๑. สามารถเผยแพร่/ถ่ายทอดความรู้ได้
29
19
1
0
0
91.43
มากที่สุด
๒. สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงาน/ดำรงชีวิตได้
41
8
0
0
0
96.73
มากที่สุด
 
 
 
 
 
 
94.08
มากที่สุด
จากตารางที่ ๖ การแสดงความคิดเห็นในการดำเนินกิจกรรมในด้านการนำความรู้ไปใช้ผู้ตอบแบบประเมินมีความพึงพอใจในระดับมากในด้านความรู้ที่สามารถเผยแพร่/ถ่ายทอดความรู้ได้ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติงาน  คิดเป็นร้อยละ   94.08
 
ตอนที่ ๓ ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
          ๑. มีการศึกษาและเรียนรู้นอกสถานที่
     ๒. ควรจัดทำคู่มือรายละเอียดเนื้อหาเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้ศึกษารายละเอียดหลังสิ้นสุดโครงการ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
บทที่ ๕
สรุปและอภิปรายผล
สรุปผลการดำเนินงานตามโครงการ
ตารางที่ ๗ สรุปผลการดำเนินโครงการ
ตัวชี้วัด
เกณฑ์
ผลการดำเนินงาน
เป้าหมายการบรรลุ
หมายเหตุ
บรรลุ
ไม่บรรลุ
๑.การดำเนินกิจกรรมในด้านวิทยากร
ร้อยละ 9๐ มีพึงพอใจระดับมากขึ้นไป
ร้อยละ 91.36
ü
 
 
๒.การดำเนินกิจกรรมในด้านกระบวนการ
ร้อยละ 9๐ มีพึงพอใจระดับมากขึ้นไป
ร้อยละ 90.88
ü
 
 
๓.การดำเนินกิจกรรมในด้านการบริหารจัดการ
ร้อยละ 9๐ มีความพึงพอใจระดับมากขึ้นไป
ร้อยละ 88.03
ü
 
 
๔. การดำเนินกิจกรรมในด้านความรู้ความเข้าใจของผู้เข้าร่วมโครงการ
ร้อยละ 9๐ มีความรู้ความเข้าใจระดับมากขึ้นไป
ร้อยละ 93.47
ü
 
 
๕. การดำเนินกิจกรรมในด้านความมั่นใจในการนำรู้ไปใช้
ร้อยละ 9๐ มีความมั่นใจระดับมากขึ้นไป
ร้อยละ 94.08
ü
 
 
รวม
91.56
ü
 
 
 
สรุปผล      
. การบรรลุเป้าหมายของโครงการ
     - เป้าหมายของผู้ร่วมโครงการฯประกอบด้วยประชาชนที่สนใจในจากเป้าหมาย 2๐ คน มีผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 49 คน คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐
. การบรรลุวัตถุประสงค์
 - ในการดำเนินโครงการสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการได้ด้วยดี
 
ตารางที่ ๘ การบรรลุวัตถุประสงค์
วัตถุประสงค์
การบรรลุวัตถุประสงค์
บรรลุ
ไม่บรรลุ
เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่า       
 
พื่อให้ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้ร่วมกันปลูกป่าชายเลน
 
 
 
 
. ผลการจัดกิจกรรม
ตารางที่ ๙ ผลการจัดกิจกรรม
ตัวชี้วัด
เกณฑ์
ระดับผล
การบรรลุ
บรรลุ
ไม่บรรลุ
.ประชาชนทั่วไปตำบลคลองพนที่เข้าร่วมโครงการ ฯ
. ร้อยละของประชาชนทั่วไปตำบลคลองพนที่เข้าร่วมโครงการ ฯ มีความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและร่วมกันปลูกป่า จำนวน 3๐๐ ต้น ได้ ในจำนวน 49 คน
ร้อยละ 9๐
 
 
 
 
ร้อยละ ๘๐
ร้อยละ ๑๐๐
 
 
 
 
ร้อยละ ๑๐๐
 
 
 
 
 
 
อภิปรายผล
     จากการดำเนินโครงการจากการดำเนินโครงการ ส่งเสริมการเรียนรู้การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติป่าชายเลน ตำบลคลองพน  ให้ความสนใจเป็นอย่างดีและสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการและประชาชนทั่วไปที่เข้าร่วมโครงการ ฯ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติและสามารถนำความรู้ที่ได้รับมาดูแลระบบนิเวศป่าชายเลนในพื้นที่ หมู่ที่ 13 บ้านคลองยี่เหร่ ได้
 
 
ข้อเสนอแนะในการทำกิจกรรมในครั้งต่อไป
 -
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 


เข้าชม : 239
 
 
กศน. ตำบลคลองพน หมู่ที่ 4 ตำบลคลองพน  อำเภอคลองท่อม  จังหวัดกระบี่
Powered by MAXSITE 1.10   Modify by   นิกร เกษโกมล   Version 2.05HD  Update by   นายบุญมา มาดี