แนวทางการชี้แจงรายละเอียดในขั้นตอนต่าง ๆ มีดังนี้
1) การแนะแนวของสถานศึกษา
การประเมินเทียบระดับการศึกษา เป็นการตรวจสอบความรู้ ความคิด ความสามารถและประสบการณ์ต่าง ๆ ของผู้เข้ารับการประเมินด้วยเครื่องมือและวิธีการที่หลากหลายและมีค่าใช้จ่าย ดังนั้น สถานศึกษาจึงควรแนะแนวให้ผู้เข้ารับการประเมินทราบในเบื้องต้นว่า การประเมินเทียบระดับจะต้องเตรียมหลักฐานอะไรบ้าง มีขั้นตอนกระบวนการและใช้เวลาประเมินเท่าไร เพื่อนำมาเป็นหลักฐานแสดงว่ามีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์สอดคล้องกับมาตรฐานของระดับการศึกษานั้น ๆ ให้ผู้ขอรับการประเมินพิจารณาประเมินตนเองว่าควรสมัครหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายโดยใช่เหตุ
2) การตัดสินใจสมัคร พร้อมชำระค่าลงทะเบียน
เมื่อผู้เข้าประเมินได้รับฟังการแนะแนวจากสถานศึกษาแล้ว และคิดว่าตนเองมีความรู้และประสบการณ์มากพอที่จะเข้าประเมินเทียบระดับการศึกษาได้จึงควรจะสมัคร โดยเสียค่าธรรมเนียมในการสมัครเข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษา ระดับละ 1,500 บาท ต่อ 1 ครั้งที่เปิดให้ประเมิน
3) การปฐมนิเทศ
การปฐมนิเทศจัดเป็นขั้นตอนสำคัญที่สถานศึกษาจะต้องชี้แจงทำความเข้าใจเมื่อผู้เข้าประเมินสมัครเข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษาแล้ว สถานศึกษาจะทำการปฐมนิเทศเพื่อชี้แจงว่าขอบข่ายการประเมินมีองค์ประกอบอะไรบ้าง แต่ละองค์ประกอบมีมาตรฐานการประเมินอย่างไร ผู้เข้าประเมินต้องนำหลักฐานหรือต้องแสดงความรู้ ความสามารถอย่างไรที่จะสะท้อนว่าบรรลุตามมาตรฐานดังกล่าว เช่น ต้องเตรียมตัวเข้ารับการทดสอบภาคทฤษฎี ด้านความรู้และความคิดอย่างไร ต้องทำแฟ้มประมวลประสบการณ์ ต้องเข้ารับการสัมภาษณ์อย่างไร โดยสถานศึกษาจะแจ้งรายละเอียดต่าง ๆ และกำหนดวัน เวลาของการประเมินดังกล่าว
4) การจัดทำแฟ้มประมวลประสบการณ์
เมื่อผู้เข้าประเมินผ่านกระบวนการปฐมนิเทศแล้วผู้เข้าประเมินต้องจัดทำแฟ้มประมวลประสบการณ์ โดยการรวบรวม เรียบเรียงข้อมูล ประสบการณ์ พร้อมหลักฐานของตนเองที่มีอยู่แล้วให้เป็นระบบสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ของการเทียบระดับการศึกษา หรือดำเนินการตามข้อกำหนดที่สถานศึกษากำหนดที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์อาชีพ การพัฒนาคุณภาพชีวิต และการพัฒนาสังคมและชุมชน
ทั้งนี้สถานศึกษาต้องแจ้งกำหนดวัน เวลา และสถานที่ส่งแฟ้มให้ผู้เข้าประเมินทราบ พร้อมประสานนัดหมายการนำส่งให้กรรมการประเมินตรวจให้คะแนนแฟ้มด้วย
5) การประเมินความรู้และความคิด
ผู้เข้าประเมินต้องเข้าประเมินความรู้ และความคิด โดยการทดสอบภาคทฤษฎี ซึ่งสถานศึกษาประเมินเทียบระดับการศึกษาทุกแห่งจะประเมินพร้อมกันทั่วประเทศ สถานศึกษาต้องแจ้งวัน เวลาและตารางกำหนดการสอบและนัดหมายให้มาถึงสถานที่ประเมินก่อนเวลาอย่างน้อย 15 นาที และเตรียมอุปกรณ์การเขียน ปากกา ไม้บรรทัด ยางลบ มาให้พร้อม แต่งกายสุภาพ เรียบร้อยและปฏิบัติตนตามระเบียบการประเมินที่สถานศึกษากำหนด ในการนี้ให้สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานและวิชาที่ทดสอบด้วย
6) การประเมินประสบการณ์โดยการสัมภาษณ์และอื่น ๆ
ผู้เข้าประเมินต้องนำส่งแฟ้มประสบการณ์และมาเข้ารับการประเมินโดยการสัมภาษณ์ ประเมินการปฏิบัติจริง การสาธิตเป็นรายบุคคลโดยมีคณะกรรมการประเมินอย่างน้อย 3 คน เป็นผู้ประเมิน ผู้เข้าประเมินต้องเข้ามารับการประเมินตามวัน เวลา สถานที่ที่สถานศึกษากำหนด
7) ผลการประเมิน
เมื่อจัดการประเมินให้ครบทุกชุดของเครื่องมือที่ใช้ประเมินแต่ละมิติในระดับนั้น ๆ แล้วสถานศึกษาจะตรวจให้คะแนนและประมวลผลผู้เข้าประเมินที่ได้คะแนนผ่านเกณฑ์ที่กำหนด สถานศึกษาจะประกาศผลการประเมินโดยวิธีการต่าง ๆ เช่น ประกาศที่สถานศึกษาหรือส่งจดหมายไปให้เป็นรายบุคคล หรือดูจาก website ของสถานศึกษา
7.1 กรณีผ่านการประเมิน
ผู้เข้าประเมินที่ผ่านทั้ง 2 มิติ จะได้รับหลักฐานการประเมินเทียบระดับ 2 ชุดคือ
1. หลักฐานแสดงผลการประเมินเทียบระดับการศึกษาและ
2. ประกาศนียบัตร
ทั้งนี้ ถือว่าผู้ผ่านการประเมินเทียบระดับการศึกษามีมาตรฐานเช่นเดียวกันกับผู้จบการศึกษาในระบบหรือการศึกษานอกระบบที่แบ่งระดับได้ แต่ผลการประเมินเทียบระดับการศึกษาจะให้ผลเป็น “ผ่าน” และ “ไม่ผ่าน” จะไม่มีระดับผลการเรียน (GPA) และผลการเรียนเฉลี่ย (GPAX)
7.2 กรณีไม่ผ่านการประเมิน
ผู้เข้าประเมินที่ประเมิน “ไม่ผ่าน” มาจาก 2 กรณี
กรณีที่ 1 ผู้เข้าประเมินเข้าประเมินไม่ครบทั้ง 2 มิติ หรือไม่ครบทุกชุดของเครื่องมือที่ใช้ประเมิน
กรณีที่ 2 ผลการประเมินด้านความรู้ และความคิด ได้คะแนนรวมทุกมาตรฐานน้อยกว่าร้อยละ 50 และผลการประเมินด้านประสบการณ์ได้คะแนนแต่ละมาตรฐานน้อยกว่าร้อยละ 50
สำหรับผู้ไม่ผ่านการประเมินในมิติที่ 1 ต้องเข้ารับการประเมินใหม่ทุกมาตรฐาน ส่วนมิติที่ 2 ถ้าไม่ผ่านมาตรฐานใด ก็ให้เข้ารับการประเมินใหม่ในมาตรฐานที่ไม่ผ่าน ทั้งนี้ สามารถเก็บผลการประเมินในส่วนที่ผ่านไว้ได้ 5 ปี นับแต่วันที่อนุมัติผลการประเมิน
เครื่องมือและวิธีการประเมิน
เครื่องมือที่ใช้ประเมินเทียบระดับการศึกษาในแต่ละระดับการศึกษาได้จัดสร้างขึ้นตามมาตรฐานและตัวบ่งชี้การประเมินเทียบระดับในแต่ละระดับการศึกษา โดยมีรายละเอียดของเครื่องมือและวิธีการ ที่ใช้ประเมินเทียบระดับการศึกษา ดังนี้
1. มิติด้านความรู้และความคิด ประเมินโดยใช้แบบทดสอบปรนัยชนิดเลือกตอบและอัตนัยที่ให้แสดงวิธีทำหรือเขียนแสดงความคิดเห็น
ในขอบข่ายเกี่ยวกับความรู้พื้นฐานทางด้านวิชาสามัญของผู้เข้ารับการประเมินที่ได้จากการศึกษา หาความรู้ด้วยตนเองจากสื่อ และแหล่งวิทยาการต่าง ๆ ซึ่งความรู้พื้นฐานเหล่านี้เป็นความรู้ที่สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ของหลักสูตรในภาพรวมของวิชาต่าง ๆ ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ การงานอาชีพ เทคโนโลยี สุขศึกษา พลศึกษา ศิลปะ ดนตรี นาฏศิลป์ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ซึ่งจะบูรณาการเป็นแบบทดสอบเพื่อประเมินความสามารถในการสื่อสาร ภาษาไทย ภาษาต่างประเทศ ความสามารถในการคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์และตัดสิน ความสามารถในการแสวงหาความรู้ และการใช้เทคโนโลยี ความรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพกาย และจิตของตน ความเป็นไทย สากลและพลเมืองดี ความรู้ในเรื่องเกี่ยวกับทรัพยากร สิ่งแวดล้อมและการดำรงชีพ
2. มิติการประเมินประสบการณ์ มีขอบข่ายการประเมิน 3 ด้าน คือ
2.1 ประสบการณ์ในการพัฒนาอาชีพ
เป็นการประเมินความรู้ ความสามารถและทักษะด้านการงานอาชีพที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์การประกอบอาชีพ อาทิเช่น ความสามารถในการบริหารจัดการด้านการงานอาชีพ การพัฒนากระบวนการ การทำงาน มีความสามารถในการวางแผนการประกอบอาชีพ การเลือกใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศมาใช้ในการดำเนินงาน ตลอดจนมีความสามารถพัฒนาการงานอาชีพไปสู่เป้าหมายได้อย่างสมเหตุสมผล รวมทั้งการมีคุณธรรม จริยธรรมในการงานอาชีพนั้น ๆ
2.2 ประสบการณ์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองและครอบครัว
เป็นการประเมินความรู้ ความสามารถและทักษะที่เกิดจากประสบการณ์ของการดำเนินชีวิตที่สะท้อนให้เห็นว่าเป็นผู้ที่มีความเข้าใจและเห็นคุณค่าของชีวิต ครอบครัว มีทักษะในการดำเนินชีวิต การมีสุนทรียภาพสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข มีทักษะในการเสริมสร้างสุขภาพ ทั้งทางกายและจิตใจ ตลอดจนยึดหลักธรรมศาสนาที่ตนนับถือเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต
2.3 ประสบการณ์ในการพัฒนาสังคมและชุมชน
เป็นการประเมินความรู้จากประสบการณ์ชีวิตที่เกี่ยวกับสังคมรอบ ๆ ตัวและทักษะในการนำความรู้ ความสามารถที่มีมาใช้ในการดำเนินชีวิต ครอบครัว ให้มีความมั่นคง เข้มแข็ง อบอุ่น ตลอดจนนำศักยภาพของตนเองมาช่วยส่งเสริม สนับสนุนกิจกรรมที่เป็นประโยชน์แก่ชุมชนและสังคม เพื่อนำไปสู่ความเข้มแข็งของชุมชนและสังคม ทั้งด้านอาชีพ ชีวิตความเป็นอยู่ รวมทั้งส่งเสริมให้สังคมและชุมชนมีความกระตือรือร้นในการศึกษาหาความรู้อย่างต่อเนื่อง
วิธีการประเมินมิติด้านประสบการณ์
1. ประเมินจากแฟ้มประมวลประสบการณ์โดยผู้เข้าประเมินนำเสนอข้อมูลหลักฐานที่เป็นร่องรอยแสดงถึงประสบการณ์ด้านการพัฒนาอาชีพ การพัฒนาคุณภาพชีวิต การพัฒนาสังคมและชุมชน
2. ประเมินโดยการสัมภาษณ์ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่แสดงถึงการเป็นผู้มีประสบการณ์ในแต่ละด้านตามที่เสนอในแฟ้มว่าเป็นจริงเพียงใด
การประเมินด้านความรู้และความคิด ทุกระดับการศึกษา
1. รูปแบบการประเมิน ใช้วิธีการทดสอบใน 6 มาตรฐาน
2. กำหนดการทดสอบ ใช้เวลา 2 วัน