วรรณกรรมสมัยอยุธยาที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ที่เป็นที่นิยมกันมาก ในสมัยอยุธยา
และไม่ทราบผู้แต่ง ได้แก่ เรื่องพระสุธน ซึ่งได้นำเค้าเรื่องเดิมมาจาก ปัญญา
สชาดก ที่เรียกว่า "สุธนชาดก" และได้นำมาทำเป็นบทละคร เรื่องนางมโนห์รา
ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย
ตำนานพระสุธนมโนห์รา
เรื่องย่อ
พระเจ้าอาทิตยวงศ์ กษัตริย์แห่งเมืองปัญจาลนคร พระมเหสีชื่อพระนางจันทราเทวี ต่อมาพระมเหสึประสูติพระราชโอรส ก็บังเกิดขุมทองสี่ขุมขึ้นที่มุมปราสาทสี่มุม พระเจ้าอาทิตยวงศ์จึงประทานนามว่า " พระสุธน " (แปลว่ามีทรัพย์ประเสริฐ-มีทรัพย์มาก) บ้านเมืองก็เจริญรุ่งเรืองเป็นอันมาก พระสุธนราชกุมารก็ศึกษาวิชาการ มีฝีมือทางการยิงธนู
วันหนึ่งนายพรานบุณฑริกชาวเมืองปัญจาลนครเข้าไปล่าสัตว์ในป่าลึก พบกลุ่มนางกินนรพี่น้องเจ็ดตนมาเล่นน้ำที่สระอโนดาต นายพรานแอบเก็บปีกหางของนางกินนรไว้ชุดหนึ่ง เมื่อนางกินนรทั้งเจ็ดเมื่อเล่นน้ำเสร็จก็กลับขึ้นมาใส่ปีกใส่หาง นางมโนห์ราน้องสาวคนสุดท้องหาปีกหาหางของตนไม่พบจึงไม่สามารถบินกลับได้ พี่ ๆ ทั้งหกก็จำต้องทิ้งนางไป
พรานบุณฑริกจึงนำบ่วงมาคล้องนางไปและนำไปถวายพระสุธน พระ
สุธนยินดีมากจึงประทานทองคำและแก้วแหวนเงินทองให้แก่นายพราน พระเจ้าอาทิตยวงศ์และนางจันทราเทวีก็จัดงานอภิเษกสมรสพระสุธนกับนางมโนห์รา
ต่อมามีข้าศึกยกมาตีเมืองปลายเขตแดน พระสุธนจึงต้องยกทัพไปปราบ พราหมณ์ปุโรหิตผู้หนึ่งซึ่งเคยคุ่นเคืองใจกับพระสุธนก็แกล้งเพ็ดทูลพระเจ้าอาทิตยวงศ์ว่านางมโนห์ราเป็นกาลกิณี ควรจะจัดบูชายัญเพื่อให้บ้านเมืองเป็นสุข พระเจ้าอาทิตยวงศ์ไม่เต็มพระทัย เพราะทรงทราบว่าดีนางมโนห์ราเป็นที่รักอย่างยิ่งของพระสุธน แต่ขัดข้อเสนอแนะของเสนาอำมาตย์ไม่ได้ จึงจำพระทัยจัดพิธีบูชายัญ นางมโนห์ราเมื่อทราบก็ยินยอมให้ฆ่าบูชายัญ แต่ขอปีกขอหางมาประดับเพื่อร่ายรำบูชา พระนางจันทราเทวีก็รีบนำปีกและหางของนางกินนรซึ่งพระสุธนฝากไว้มาให้ นางมโนห์ราร่ายรำแล้วบินหนีบินกลับไปยังเขาไกรลาสถิ่นที่อยู่
ระหว่างทางนางได้แวะมากราบพระฤๅษีกัสสปในป่า และฝากผ้ากัมพลและพระธำมรงค์ไว้ให้พระสุธน และได้ฝากความไปถึงพระสุธนว่าไม่ควรตามนางไปเพราะหนทางยากลำบากมาก แต่ถ้าพระสุธนยังดื้อดึงที่จะไปก็ขอให้มอบยาผงนี้ให้แก่พระสุธน และให้บอกวิธีการติดตามไปอย่างปลอดภัยให้ไว้ดังนี้
1. ถ้าพระสุธนเดินทางไปถึงป่าไม้มีพิษให้จับลูกลิงไปตัวหนึ่ง เมื่อจะเสวยผลไม้ใดต้องปล่อยให้ลูกลิงกินก่อนแล้วจึงเสวย
2. เมื่อถึงป่าหวายใหญ่ ให้เอาผ้ากัมพลคลุมตัวให้แน่น นกหัสดีลิงค์จะเข้าใจว่าเป็นเนื้อกวางก็จะโฉบลงมาคาบตัวไป พอถึงรังนกก็ให้ตบมือ นกตกใจบินหนีไป
3. ถ้าพระสุธนเดินทางต่อไป พบพญาช้างสองตัวต่อสู้กันขวางทางอยู่ ให้เอายาผงทาทั่วตัว แล้วเดินลอดไประหว่างขาช้าง
4. เมื่อเดินทางต่อไปจะพบภูเขาชนกัน ก็ให้ใช้ยาผงทาตัวแล้วเดินไประหว่างช่องเขา
5. เดินทางต่อไปจะพบยักษ์สูงเจ็ดชั่วลำตาลยืนขวางทางให้ใช้ยาผงโรยลูกศรแล้วยิงให้ถูกอกยักษ์ เมื่อยักษ์ล้มให้เดินไปทางหัวของยักษ์ ต่อไปจนถึงป่าทึบไม่มีทางออก ให้ขึ้นไปซ่อนตัวอยู่ในรังนกยักษ์ และเมื่อนกยักษ์บินออกหากินก็ให้ซ่อนตัวอยู่ในปีกของนก พอนกลงหากินก็รีบลงเพราะที่นั่นจะเป็นเขาไกรลาส
แล้วนางมโนห์ราก็กราบลาพระฤษีบินกลับไปยังเขาไกรลาส ท้าวทุมราชบิดาของนางถึงแม้จะยินดีที่นางกลับมาแต่เนื่องจากนางไปอยู่โลกมนุษย์เป็นเวลานาน จึงให้นางอยู่ในปราสาทแยกไปต่างหาก และเมื่อครบเจ็ดวันตามเวลาของเขาไกรลาสก็จะทำพิธีมงคลชำระสระสรงเพื่อให้นางมดกลิ่นสาบของมนุษย์
ฝ่ายพระสุธนเมื่อกลับพระนคร พอรู้ว่านางมโนห์ราบินหนีไปแล้วก็เสียพระทัยมาก รีบทูลลาพระราชบิดาและพระราชมารดาเพื่อติดตามนางมโนห์รา พระสุธนเดินทางไปพบพระฤๅษีกัสสปและได้ทราบความที่นางฝากไว้ พระ
สุธนมิได้ย่อท้อ ออกเดินทางและปฎิบัติตามที่นางบอกไว้ทุกประการ พระ
สุธนเดินทางเช่นนี้เป็นเวลาถึงเจ็ดปี เจ็ดเดือน เจ็ดวัน พอถึงวันที่เจ็ดก็มาถึงเขาไกรลาส พระสุธนจึงซ่อนตัวอยู่ที่ใต้ต้นไม้ริมสระน้ำ ไม่ช้าก็มีนางกินรีบริวารถือหม้อทองคำมาตักน้ำที่สระ พอถึงคนสุดท้ายพระสุธนก็บันดาลให้นางยกหม้อทองคำไม่ขึ้น แล้วออกมาช่วยยกให้และได้แอบใส่พระธำรงค์ลงในหม้อน้ำนั้น
เมื่อนางกินรีบริวารสรงน้ำให้นางมโนห์ราถึงนางกินรีคนสุดท้ายรดน้ำเหนือศีรษะนางมโนห์รา พระธำรงค์ก็หล่นลงมากับสายน้ำ นางมโนห์รายกมือขึ้นลูบหน้าแหวนธำรงค์ก็สวมเข้าที่นิ้วก้อยพอดี นางทราบทันทีว่าพระสุธนตามมาถึงแล้ว จึงให้นางกินรีดูแลพระสุธน และส่งเครื่องนุ่งห่มและเครื่องประดับไปให้ แล้วนางมโนห์ราก็นำความทูลพระบิดาและพระมารดา ท้าวทุมราชจึงให้พระ
สุธนมาเข้าเฝ้าและให้แสดงฝีมือยิงธนู ซึ่งเป็นที่ถูกพระทัยท้าวทุมราช แต่ก็ยังมีการทดสอบอีกขั้นหนึ่ง โดยให้พระธิดาทั้งเจ็ดพระองค์แต่งกายงดงามเหมือนกันและมานั่งสลับกันอยู่ ท้าวทุมราชให้พระสุธนชี้นางมโนห์ราให้ถูกต้อง ธิดาทั้งเจ็ดองค์เหมือนกันมากจนยากที่จะชี้ตัวได้ พระสุธนจึงตั้งสัจจาธิษฐานว่า ถ้าในชาติก่อนไม่เคยคบหากับภรรยาของผู้อื่นมีจิตใจมั่นคงที่นางคนเดียวแล้ว ขอให้จำนางได้ พระอินทร์จึงแปลงกายเป็นแมลงวันทองบินรอบศีรษะนางมโนห์รา พระสุธนก็ชี้นางมโนห์ราได้ถูก ท้าวทุมราชมีความยินดีจัดงานอภิเษกพระ
สุธนกับนางมโนห์รา แล้วพระสุธนก็ขอลาท้าวทุมราชพานางมโนห์รากลับไปเมืองปัญจาลนคร พระอาทิตยวงศ์ดีพระทัยเป็นอย่างยิ่ง จัดการตกแต่งพระนคร และทำการอภิเษกพระสุธนกับนางมโนห์ราให้ครองราชสมบัติเมืองปัญจาล
นครสืบต่อไป.
*****
สำหรับ สมุดไทย "พระสุธน" ทั้ง 2 เล่มใหญ่ ที่ผมได้เก็บสะสมมานี้
เป็นสิ่งที่ได้สะสมกันมาหลายชั่วอายุคนแล้ว เป็นสมุดไทยขาว ผมได้
ถ่ายภาพมาให้ชมกันเป็นบางหน้า เพื่อให้เห็นสภาพที่เป็นจริงตัวสะกด
การันต์ที่ใช้ ซึ่งน่าสนใจและน่าศึกษาค้นคว้าต่อไป (สมุดไทย 2 เล่มนี้
ยังไม่จบ ขาดอีก 5 ใบ)
เรื่อง มะโนรา อีกเรื่องที่ผมมีอยู่ จากสมุดข่อยและภาพของ นายเดือน
บุนนาค พิมพ์เมื่อปี 2499 คัดลอกจากสมุดข่อย 2 เล่ม ผมได้ถ่ายภาพ
มาให้ชมกันเป็นบางหน้าเช่นกัน (สมุดไทย 2 เล่มนี้ ยังไม่จบ)
และหน้าสุดท้าย
นับว่าเป็นวรรณกรรมสมัยอยุธยา อันทรงคุณค่ามากเรื่องหนึ่ง ที่สมควร
ช่วยกันอนุรักษ์ไว้และช่วยกันเผยแพร่ให้ได้รู้จักกันกว้างขวางยิ่งขึ้น นอก
จากนี้ หากนักวรรณคดีได้มีการวิเคราะห์วรรณกรรมเรื่องนี้ขึ้นมาในทุกด้าน
ก็จะได้ประโยชน์อย่างยิ่งทีเดียว
-------------
อ้างอิง :
1. http://poobpab.com/content/gred_wan_ka_dee/prasuton.htm
2. เดือน บุนนาค. มะโนรา จากสมุดข่อยและภาพของ นายเดือน บุนนาค.
กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,2499.
3. ศิลปากร,กรม. วรรณกรรมสมัยอยุธยา เล่ม 3. กรุงเทพฯ : 2531.
4. http://www.oknation.net/blog/surasakc/2009/04/16/entry-2