[x] ปิดหน้าต่างนี้
 
 

การประเมินเทียบระดับการศึกษา

หลักการ

การประเมินเทียบระดับการศึกษาเป็นการประมวลประสบการณ์และความรู้ที่เป็นองค์รวมของบุคคลตามคุณลักษณะที่สำคัญในด้านความรู้ ทักษะ คุณธรรม จริยธรรมและค่านิยม เพื่อรับรองความรู้ความสามารถนั้น ให้เป็นไปตามมาตรฐานการเรียนรู้เท่ากับระดับการศึกษาของการศึกษาขั้นพื้นฐาน

การประเมิน

เพื่อให้การดำเนินการประเมินเทียบระดับการศึกษามีประสิทธิภาพ จึงแบ่งการประเมินเทียบระดับเป็น 2 มิติ ดังนี้

มิติด้านความรู้ ความคิด มี 6 มาตรฐาน

1. ความสามารถในการสื่อสารทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ

2. ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์และคิดค้น

3. ความสามารถในการแสวงหาความรู้และเทคโนโลยี

4. ความรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพกายและจิต

5. ความเป็นไทย สากลและพลเมืองดี

6. ความรู้เรื่องทรัพยากรสิ่งแวดล้อมและการดำรงชีวิต

มิติด้านประสบการณ์ มี 3 มาตรฐาน ดังนี้

1. ประสบการณ์ในการพัฒนาอาชีพ

2. ประสบการณ์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนและครอบครัว

3. มีประสบการณ์ในการพัฒนาสังคมและชุมชน

คุณสมบัติของผู้สมัคร

1. มีสัญชาติไทยหรือเป็นบุคคลที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย

2. ภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ประจำในเขตการบริการการเทียบระดับการศึกษาของสถานศึกษา

3. ไม่เป็นนักเรียนหรือนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาที่จัดการศึกษาในระบบหรือการศึกษานอกระบบที่แบ่งประดับเช่นเช่นเดียวกับการศึกษาในระบบ

4. มีพื้นความรู้ในระดับการศึกษาที่ต่ำกว่าระดับที่ประสงค์จะขอเทียบระดับการศึกษาหนึ่งระดับ

4.1 ระดับประถมศึกษา ไม่จำกัดความรู้พื้นฐาน

4.2 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น สอบได้วุฒิหรือระดับชั้นอย่างใดอย่างหนึ่ง ต่อไปนี้

- มัธยมศึกษาปีที่ 3 (ม. 3 เดิม)

- ประถมศึกษาปีที่ 7 (ป.7)

- ประถมศึกษาปีที่ 6 (ป. 6 )

- การศึกษาระดับผู้ใหญ่ปี่ที่ 3

- หลักสูตรการศึกษานอกโรงเรียนระดับประถมศึกษาหรือนาฏศิลป์ชั้นต้นปี่ที่ 3

- วุฒิอื่นที่กระทรวงศึกษาธิการประกาศให้เทียบเท่าระดับประถมศึกษาปีที่ 6 ตามหลักสูตรประถมศึกษา พุทธศักราช 2521

หรือนักธรรมชั้นเอก หรือใบรับรอวุฒิการสอบเทียบ ความรู้ชั้นมัธยมศึกษาปี่ที่ 3 เพื่อสิทธิบางอย่าง หรือใบรับรองวุฒิการสอบเทียบความรู้ชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 เพื่อสิทธิบางอย่างหรือเป็นผู้ที่เคยศึกษาหลักสูตรต่างประเทศ ระดับชั้น (เกรด ) การศึกษาปี ที่ 7 หรือ สอบได้ระดับชั้น (เกรด) การศึกษาอย่าน้อยปีที่ 7 หรือ ผู้สอบตก ป. 7 ปีการศึกษา 2520 ถือว่าได้ ป. 6

4.3 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายได้วุฒิหรือระดับชั้นอย่างใดอย่างหนึ่ง ต่อไปนี้

- สอบได้มัธยมศึกษาปีที่ 6 (ม.6 เดิม) หรือประโยคมัธยมศึกษาปีที่ 3 (มศ.3) หรือมัธยมศึกษาปีที่ 3 (ม.3) หรือการศึกษาใหญ่ระดับที่ 4 หรือการศึกษาผู้ใหญ่แบบเบ็ดเสร็จ ระดับที่ 4 หรือ หลักสูตรการศึกษานอกโรงเรียน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น หรือเปรียบธรรม 3 ประโยค หรือวุฒิที่กระทรวงศึกษาธิการประกาศให้เทียบเท่ามัธยมศึกษาตอนต้น ตามหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น พุทธศักราช 2521 หรือใบรับรองวุฒิการสอบเทียบความรู้ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เพื่อสิทธิบางอย่างหรือเป็นผู้ที่เคยศึกษาหลักสูตรต่างประเทศระดับชั้น(เกรด) การศึกษาปีที่ 10 หรือ สอบได้ระดับชั้น(เกรด) การศึกษาอย่าน้อยปีที่10 หรือ ผู้สอบตก มศ.3 ปีการศึกษา 2523 ถือว่าได้ ม. 3

หลักฐานการสมัครเข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษา

ผู้ขอประเมินเทียบระดับการศึกษา ต้องนำหลักฐานมายืนต่อสถานศึกษาที่ทำหน้าที่เทียบระดับการศึกษาในเขตที่ตนเอง มีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ประจำดังนี้

1. ใบสมัคร

2. รูปถ่ายหน้าตรง ขนาด 3 X 4 ซม. จำนวน 2 ใบ หน้าตรง ไม่สวมแว่นตาดำ ไม่สวมหมวก สวมเสื้อขาวมีปกหรือชุดสุภาพ (รูปถ่ายไม่เกิน 6 เดือนไม่ใช้รูปถ่ายโพลาลอยด์ ) ติดใบสมัคร 1 ใบ ติดบัตรประจำตัวนักศึกษา 1 ใบ

3. สำเนาทะเบียนบ้านตนเอง ที่มีชื่อบิดา มารดา พร้อมฉบับจริง ไปแสดง หรือบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อแสดงว่า เป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทยและมีถิ่นที่อยู่ในเขตบริการ กรณีเป็นบุคคลเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย ให้แสดงหลักฐานหนังสือเดินทาง หรือหนังสือรับรองการเป็นบุคคลต่างด้าวของกระทรวงมหาดไทย

4. หลักฐานที่แสดงพื้นความรู้ ในระดับที่ต่ำกว่า ที่ประสงค์จะขอเทียบระดับการศึกษาหนึ่งระดับ สำหรับผู้ขอเทียบระดับประถมศึกษา ไม่ต้องนำหลักฐานพื้นความรู้เดิมมาแสดง

5. หลักฐานที่แสดงภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่ประจำ ได้แก่ สำเนาทะเบียนบ้านหรือ หนังสือรับรองจากหน่วยงานที่ปฏิบัติงาน หรือ หนังสือรับรองจากผู้นำท้องถิ่นที่ตนพักอาศัย

6. หลักฐานหนังสือรับรอง แสดงการประกอบอาชีพหรือทำงานจากผู้บังคับบัญชา นายจ้าง หรือผู้นำท้องถิ่น

ค่าธรรมเนียม

* ระดับประถมศึกษา 1,500.- บาท

* ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 1,500.- บาท

* ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 1,500.- บาท

กำหนดการรับสมัคร เปิดรับสมัครปีละ 2 ครั้ง โดยสำนักงาน กศน. จะเป็นผู้กำหนด

แนวทางการชี้แจงรายละเอียดในขั้นตอนต่าง ๆ มีดังนี้

1) การแนะแนวของสถานศึกษา

การประเมินเทียบระดับการศึกษา เป็นการตรวจสอบความรู้ ความคิด ความสามารถและประสบการณ์ต่าง ๆ ของผู้เข้ารับการประเมินด้วยเครื่องมือและวิธีการที่หลากหลายและมีค่าใช้จ่าย ดังนั้น สถานศึกษาจึงควรแนะแนวให้ผู้เข้ารับการประเมินทราบในเบื้องต้นว่า การประเมินเทียบระดับจะต้องเตรียมหลักฐานอะไรบ้าง มีขั้นตอนกระบวนการและใช้เวลาประเมินเท่าไร เพื่อนำมาเป็นหลักฐานแสดงว่ามีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์สอดคล้องกับมาตรฐานของระดับการศึกษานั้น ๆ ให้ผู้ขอรับการประเมินพิจารณาประเมินตนเองว่าควรสมัครหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายโดยใช่เหตุ

2) การตัดสินใจสมัคร พร้อมชำระค่าลงทะเบียน

เมื่อผู้เข้าประเมินได้รับฟังการแนะแนวจากสถานศึกษาแล้ว และคิดว่าตนเองมีความรู้และประสบการณ์มากพอที่จะเข้าประเมินเทียบระดับการศึกษาได้จึงควรจะสมัคร โดยเสียค่าธรรมเนียมในการสมัครเข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษา ระดับละ 1,500 บาท ต่อ 1 ครั้งที่เปิดให้ประเมิน

3) การปฐมนิเทศ

การปฐมนิเทศจัดเป็นขั้นตอนสำคัญที่สถานศึกษาจะต้องชี้แจงทำความเข้าใจเมื่อผู้เข้าประเมินสมัครเข้ารับการประเมินเทียบระดับการศึกษาแล้ว สถานศึกษาจะทำการปฐมนิเทศเพื่อชี้แจงว่าขอบข่ายการประเมินมีองค์ประกอบอะไรบ้าง แต่ละองค์ประกอบมีมาตรฐานการประเมินอย่างไร ผู้เข้าประเมินต้องนำหลักฐานหรือต้องแสดงความรู้ ความสามารถอย่างไรที่จะสะท้อนว่าบรรลุตามมาตรฐานดังกล่าว เช่น ต้องเตรียมตัวเข้ารับการทดสอบภาคทฤษฎี ด้านความรู้และความคิดอย่างไร ต้องทำแฟ้มประมวลประสบการณ์ ต้องเข้ารับการสัมภาษณ์อย่างไร โดยสถานศึกษาจะแจ้งรายละเอียดต่าง ๆ และกำหนดวัน เวลาของการประเมินดังกล่าว

4) การจัดทำแฟ้มประมวลประสบการณ์

เมื่อผู้เข้าประเมินผ่านกระบวนการปฐมนิเทศแล้วผู้เข้าประเมินต้องจัดทำแฟ้มประมวลประสบการณ์ โดยการรวบรวม เรียบเรียงข้อมูล ประสบการณ์ พร้อมหลักฐานของตนเองที่มีอยู่แล้วให้เป็นระบบสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ของการเทียบระดับการศึกษา หรือดำเนินการตามข้อกำหนดที่สถานศึกษากำหนดที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์อาชีพ การพัฒนาคุณภาพชีวิต และการพัฒนาสังคมและชุมชน

ทั้งนี้สถานศึกษาต้องแจ้งกำหนดวัน เวลา และสถานที่ส่งแฟ้มให้ผู้เข้าประเมินทราบ พร้อมประสานนัดหมายการนำส่งให้กรรมการประเมินตรวจให้คะแนนแฟ้มด้วย

5) การประเมินความรู้และความคิด

ผู้เข้าประเมินต้องเข้าประเมินความรู้ และความคิด โดยการทดสอบภาคทฤษฎี ซึ่งสถานศึกษาประเมินเทียบระดับการศึกษาทุกแห่งจะประเมินพร้อมกันทั่วประเทศ สถานศึกษาต้องแจ้งวัน เวลาและตารางกำหนดการสอบและนัดหมายให้มาถึงสถานที่ประเมินก่อนเวลาอย่างน้อย 15 นาที และเตรียมอุปกรณ์การเขียน ปากกา ไม้บรรทัด ยางลบ มาให้พร้อม แต่งกายสุภาพ เรียบร้อยและปฏิบัติตนตามระเบียบการประเมินที่สถานศึกษากำหนด ในการนี้ให้สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานและวิชาที่ทดสอบด้วย

6) การประเมินประสบการณ์โดยการสัมภาษณ์และอื่น ๆ

ผู้เข้าประเมินต้องนำส่งแฟ้มประสบการณ์และมาเข้ารับการประเมินโดยการสัมภาษณ์ ประเมินการปฏิบัติจริง การสาธิตเป็นรายบุคคลโดยมีคณะกรรมการประเมินอย่างน้อย 3 คน เป็นผู้ประเมิน ผู้เข้าประเมินต้องเข้ามารับการประเมินตามวัน เวลา สถานที่ที่สถานศึกษากำหนด

7) ผลการประเมิน

เมื่อจัดการประเมินให้ครบทุกชุดของเครื่องมือที่ใช้ประเมินแต่ละมิติในระดับนั้น ๆ แล้วสถานศึกษาจะตรวจให้คะแนนและประมวลผลผู้เข้าประเมินที่ได้คะแนนผ่านเกณฑ์ที่กำหนด สถานศึกษาจะประกาศผลการประเมินโดยวิธีการต่าง ๆ เช่น ประกาศที่สถานศึกษาหรือส่งจดหมายไปให้เป็นรายบุคคล หรือดูจาก website ของสถานศึกษา

7.1 กรณีผ่านการประเมิน

ผู้เข้าประเมินที่ผ่านทั้ง 2 มิติ จะได้รับหลักฐานการประเมินเทียบระดับ 2 ชุดคือ

1. หลักฐานแสดงผลการประเมินเทียบระดับการศึกษาและ

2. ประกาศนียบัตร

ทั้งนี้ ถือว่าผู้ผ่านการประเมินเทียบระดับการศึกษามีมาตรฐานเช่นเดียวกันกับผู้จบการศึกษาในระบบหรือการศึกษานอกระบบที่แบ่งระดับได้ แต่ผลการประเมินเทียบระดับการศึกษาจะให้ผลเป็น ผ่านและ ไม่ผ่านจะไม่มีระดับผลการเรียน (GPA) และผลการเรียนเฉลี่ย (GPAX)

7.2 กรณีไม่ผ่านการประเมิน

ผู้เข้าประเมินที่ประเมิน ไม่ผ่านมาจาก 2 กรณี

กรณีที่ 1 ผู้เข้าประเมินเข้าประเมินไม่ครบทั้ง 2 มิติ หรือไม่ครบทุกชุดของเครื่องมือที่ใช้ประเมิน

กรณีที่ 2 ผลการประเมินด้านความรู้ และความคิด ได้คะแนนรวมทุกมาตรฐานน้อยกว่าร้อยละ 50 และผลการประเมินด้านประสบการณ์ได้คะแนนแต่ละมาตรฐานน้อยกว่าร้อยละ 50

สำหรับผู้ไม่ผ่านการประเมินในมิติที่ 1 ต้องเข้ารับการประเมินใหม่ทุกมาตรฐาน ส่วนมิติที่ 2 ถ้าไม่ผ่านมาตรฐานใด ก็ให้เข้ารับการประเมินใหม่ในมาตรฐานที่ไม่ผ่าน ทั้งนี้ สามารถเก็บผลการประเมินในส่วนที่ผ่านไว้ได้ 5 ปี นับแต่วันที่อนุมัติผลการประเมิน

เครื่องมือและวิธีการประเมิน

เครื่องมือที่ใช้ประเมินเทียบระดับการศึกษาในแต่ละระดับการศึกษาได้จัดสร้างขึ้นตามมาตรฐานและตัวบ่งชี้การประเมินเทียบระดับในแต่ละระดับการศึกษา โดยมีรายละเอียดของเครื่องมือและวิธีการ ที่ใช้ประเมินเทียบระดับการศึกษา ดังนี้

1. มิติด้านความรู้และความคิด ประเมินโดยใช้แบบทดสอบปรนัยชนิดเลือกตอบและอัตนัยที่ให้แสดงวิธีทำหรือเขียนแสดงความคิดเห็นในขอบข่ายเกี่ยวกับความรู้พื้นฐานทางด้านวิชาสามัญของผู้เข้ารับการประเมินที่ได้จากการศึกษา หาความรู้ด้วยตนเองจากสื่อ และแหล่งวิทยาการต่าง ๆ ซึ่งความรู้พื้นฐานเหล่านี้เป็นความรู้ที่สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ของหลักสูตรในภาพรวมของวิชาต่าง ๆ ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ การงานอาชีพ เทคโนโลยี สุขศึกษา พลศึกษา ศิลปะ ดนตรี นาฏศิลป์ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ซึ่งจะบูรณาการเป็นแบบทดสอบเพื่อประเมินความสามารถในการสื่อสาร ภาษาไทย ภาษาต่างประเทศ ความสามารถในการคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์และตัดสิน ความสามารถในการแสวงหาความรู้ และการใช้เทคโนโลยี ความรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพกาย และจิตของตน ความเป็นไทย สากลและพลเมืองดี ความรู้ในเรื่องเกี่ยวกับทรัพยากร สิ่งแวดล้อมและการดำรงชีพ

2. มิติการประเมินประสบการณ์ มีขอบข่ายการประเมิน 3 ด้าน คือ

2.1 ประสบการณ์ในการพัฒนาอาชีพ

เป็นการประเมินความรู้ ความสามารถและทักษะด้านการงานอาชีพที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์การประกอบอาชีพ อาทิเช่น ความสามารถในการบริหารจัดการด้านการงานอาชีพ การพัฒนากระบวนการ การทำงาน มีความสามารถในการวางแผนการประกอบอาชีพ การเลือกใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศมาใช้ในการดำเนินงาน ตลอดจนมีความสามารถพัฒนาการงานอาชีพไปสู่เป้าหมายได้อย่างสมเหตุสมผล รวมทั้งการมีคุณธรรม จริยธรรมในการงานอาชีพนั้น ๆ

2.2 ประสบการณ์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองและครอบครัว

เป็นการประเมินความรู้ ความสามารถและทักษะที่เกิดจากประสบการณ์ของการดำเนินชีวิตที่สะท้อนให้เห็นว่าเป็นผู้ที่มีความเข้าใจและเห็นคุณค่าของชีวิต ครอบครัว มีทักษะในการดำเนินชีวิต การมีสุนทรียภาพสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข มีทักษะในการเสริมสร้างสุขภาพ ทั้งทางกายและจิตใจ ตลอดจนยึดหลักธรรมศาสนาที่ตนนับถือเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต

2.3 ประสบการณ์ในการพัฒนาสังคมและชุมชน

เป็นการประเมินความรู้จากประสบการณ์ชีวิตที่เกี่ยวกับสังคมรอบ ๆ ตัวและทักษะในการนำความรู้ ความสามารถที่มีมาใช้ในการดำเนินชีวิต ครอบครัว ให้มีความมั่นคง เข้มแข็ง อบอุ่น ตลอดจนนำศักยภาพของตนเองมาช่วยส่งเสริม สนับสนุนกิจกรรมที่เป็นประโยชน์แก่ชุมชนและสังคม เพื่อนำไปสู่ความเข้มแข็งของชุมชนและสังคม ทั้งด้านอาชีพ ชีวิตความเป็นอยู่ รวมทั้งส่งเสริมให้สังคมและชุมชนมีความกระตือรือร้นในการศึกษาหาความรู้อย่างต่อเนื่อง

วิธีการประเมินมิติด้านประสบการณ์

1. ประเมินจากแฟ้มประมวลประสบการณ์โดยผู้เข้าประเมินนำเสนอข้อมูลหลักฐานที่เป็นร่องรอยแสดงถึงประสบการณ์ด้านการพัฒนาอาชีพ การพัฒนาคุณภาพชีวิต การพัฒนาสังคมและชุมชน

2. ประเมินโดยการสัมภาษณ์ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่แสดงถึงการเป็นผู้มีประสบการณ์ในแต่ละด้านตามที่เสนอในแฟ้มว่าเป็นจริงเพียงใด

การประเมินด้านความรู้และความคิด ทุกระดับการศึกษา

1. รูปแบบการประเมิน ใช้วิธีการทดสอบใน 6 มาตรฐาน

2. กำหนดการทดสอบ ใช้เวลา 2 วัน

เข้าชม : 262
 
 
ศรช.บ้านคลองขนาน  ตำบลคลองท่อมใต้  อำเภอคลองท่อม  จังหวัดกระบี่
เยื้องโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 53 (บ้านคลองขนาน)  หมู่ที่ 3  ตำบลคลองท่อมใต้  อำเภอคลองท่อม  จังหวัดกระบี่

โทร 081-4697515   E-mail : kruzaiipanii@gmail.com
Powered by MAXSITE 1.10   Modify by   นิกร เกษโกมล   Version 2.05HD  Update by   นายบุญมา มาดี