จงเรียกร้องหาพระศาสดาด้วยความเป็นมิตรเถิด
วันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ นี้ เป็นวันวิสาขบูชา ซึ่งเป็นวันสำคัญสากลของโลก เราทั้งหลายผู้ที่เป็นชาวพุทธก็ได้ประกอบกิจกรรมต่างๆ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และเราจะถือประโยชน์จากวันนี้ มาเป็นต้นแบบของชีวิตของเราได้อย่างไร
๑. การประสูติของพระพระพุทธเจ้า ประสูติแล้วทรงก้าวเดินไปข้างหน้า เปล่งอาสภิวาจา ประกาศเป้าหมายการอุบัติเกิดขึ้นของพระองค์ ว่าการเกิดครั้งนี้เป็นการเกิดครั้งสุดท้าย จะไม่มีการเกิดอีกต่อไป เมื่อประสูติแล้วแม้จะทรงกำพร้าพระมารดา แต่พระองค์ไม่ขาดความดี สามารถพัฒนาพระองค์เองกลายเป็นมหาบุรุษของโลกได้
๒. การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ทรงได้มาด้วยความเป็นนักสังเกต และอาศัยความเพียร ความตั้งใจจริง ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคปัญหา จึงทำให้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
๓. การเสด็จดับขันธปรินิพพานของพระพุทธองค์ ทรงเตรียมปลงพระชนมายุสังขารไว้ล่วงหน้า ทรงกระทำหน้าที่แม้วินาทีสุดท้ายก่อนจะปรินิพพาน และแม้จะเสด็จดับขันธปรินิพพานมาแล้วสองพันกว่าปี ก็ยังมีคนยกย่องสรรเสริญบูชาจนตราบเท่าทุกวันนี้
แล้วเราทั้งหลายผู้ประกาศตนว่าเป็นสาวกของพระพุทธองค์ ควรยึดถือพุทธจริยาของพระพุทธบิดามาเป็นแบบอย่าง
การประสูติของพระพุทธเจ้า ให้ข้อคิดกับพวกเราทั้งหลายว่า เราเกิดมาแล้วต้องพัฒนาตัวเอง ต้องก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรม อย่าถอยหลังไปสู่บาปธรรม และควรตั้งเป้าหมายของการเกิดมาเป็นมนุษย์ของตัวเราเองว่า ว่าเราเกิดมาเพื่อจะทำอะไร เราควรหาความหมายให้กับชีวิต และรีบทำชีวิตให้มีความหมาย ก่อนความตายจะมาเยือน
การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า สอนให้เราใช้ปัญญาและความเพียรในการดำเนินชีวิต
แม้แต่การปรินิพพานของพระพุทธองค์ ก็สอนเราว่า แม้ยิ่งใหญ่ขนาดไหนสุดท้ายก็ต้องจากลา เหลือทิ้งไว้แต่เพียงความดีความชั่วเป็นอนุสาวรีย์ไว้กับโลก แล้วตัวเราเองมีคุณงามความดีใดๆ แล้วหรือยัง ที่จะทำให้เรามองไปข้างหน้าก็มีความหวัง หันมองย้อนดูกลับมาข้างหลังก็มีความภาคภูมิใจ
ได้อ่านข้อความในมหาสุญญตสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสวิงวอนพวกเราเหล่าสาวก ให้เรียกร้องพระองค์ด้วยความเป็นมิตร อย่าเรียกร้องพระองค์ด้วยความเป็นศัตรู น่าจะเป็นข้อคิดข้อเตือนใจเนื่องในวันสำคัญวันนี้ ข้อความในพระสูตรมีโดยย่อๆ ว่า
เมื่อพระศาสดาทรงแสดงธรรมว่า “สิ่งนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่พวกเธอทั้งหลาย สิ่งนี้ก็เป็นไปเพื่อความสุขแก่พวกเธอทั้งหลายเป็นต้น”
เมื่อพระบรมศาสดาทรงแสดงธรรมอย่างนี้เป็นต้น สาวกคนใดที่ไม่ฟัง ไม่ตั้งใจศึกษา ไม่ตั้งจิตเพื่อกำหนดรู้ทั่วถึง แต่แกล้งทำให้ผิดไปจากคำสั่งสอนของศาสดาไปเสีย พระพุทธองค์ตรัสว่า ผูเรียกร้องหาศาสดาเพื่อความเป็นศัตรู ไมเรียกร้องศาสดาเพื่อความเป็นมิตร”
ส่วนบุคคลใด ตั้งใจฟัง ตั้งใจศึกษา คำสอนของพระศาสดา ไม่แกล้งทำให้ผิดไปจากคำสอนของพระศาสดา บุคคลจำพวกนี้ทรงเรียกว่า ผู้เรียกร้องหาศาสดาด้วยความเป็นมิตร
และตรัสวิงวอนในตอนท้ายของพระสูตรว่า
อานนท ! เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้ พวกเธอทั้งหลายจงเรียกร้องหาตถาคต เพื่อความเป็นมิตรเถิด อยาเรียกร้องเพื่อความเป็นศัตรูเลย .ข้อนั้นจักเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข แก่พวกเธอทั้งหลายเอง ตลอดกาลนาน”
อานนท์ ! เราไม่พยายามทำกะพวกเธอ อย่างทะนุถนอม
เหมือนพวกช่างหม้อทำแก่หม้อที่ยังเปียก ยังดิบอยู่.
อานนท์ ! เราจักขนาบแล้วขนาบอีก ไม่มีหยุด.
อานนท์ ! เราจักชี้โทษแล้ว ชี้โทษอีก ไม่มีหยุด.
ผู้ใดมีมรรคผลเป็นแก่นสาร ผู้นั้นจักทนอยู่ได้เอง แล.
เพราะฉะนั้น วันวิสาขบูชาในปีนี้ ขอเชิญชวนพวกเราเหล่าชาวพุทธทั้งหลาย จงเรียกร้องหาพระศาสดาด้วยความเป็นมิตรกันเถิด.
บาลี พระพุทธภาษิต มหาสุญญตสูตร อุปริ. ม. ๑๔/๒๔๔/๓๕๕-๓๕๖, ตรัสแก่ท่านพระอานนท์. ,ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ หน้า ๓๕๖
ที่มา : พระครูสิริธรรมาภิรัต (อริยธมฺโม)., ดร.
www.facebook.com/ariyadhammobhikkhu/posts/827898443993712:0
เข้าชม : 157
|